ประสบการณ์เสียว18+
เรื่องอดีตเป็นตัวช่วย
เรื่องอดีตเป็นตัวช่วย ผมชื่อบอย แต่งงานกับแพรวได้กว่า 12 ปี มีลูกแล้ว 1 คน เป็นผู้ชาย แล้วผมก็ทำหมัน ผมกับแพรวรักกันมาก่อนจะได้แต่งงานซะอีก แต กว่าเราจะได้แต่งงาน ก็มีวีรกรรมอย่างสาหัสสากรรจ์ เพราะ พ่อแม่เธอไม่ชอบผม ที่ผมเป็นคนไทย ผิวสืออกจะคล้ำๆ แพรวเป็นลูกเชื้อสายจีน มีฐานะพอสมควร ผมมีพ่อ รับราชการครู แม่เป็นแม่บ้าน แต่ก็ทำอุตสาหกรรมในครอบครัว ช่วยคุณพ่อ คือทำขนมขาย ผมเป็นเพื่อนร่วมห้องเรียนของแพรว และสาเหตุที่ เรารักกัน ก็เพราะผมบังเอิญได้ช่วยแพรวไห้พ้นจากอันตราย ในเย็นวันศุกร์ หลังเลิกเรียน ผมซ้อมกีฬาอยู่ในห้อง ยิม ส่วนแพรวอยู่ห้องสมุด และอยู่เป็นคนสุดท้าย ในขณะที่ ทุกคนในห้องสมุดกลับหมด คุณครูคิดว่าไม่มีใครอยู่ ก็พากันลงมาจากชั้นบนอาคารเรียน ภารโรงเข้าไปปิดห้องสมุด เจอแพรวเป็นลมฟุบอยู่ มี กองหนังสือบัง จึงไม่มีใครเห็นแพรว ภารโรงคิดไม่ดี จับแพรวนอนหงายบนพื้น และถอด ชุดกระโปรงจนร่างเธอเปลือยเปล่า เพื่อจะทำการข่มขืน และบังเอิญวันนั้นผมดันลืมของ คือลูกกุญแจเข้าบ้าน ลืมไว้ที่โต๊ะเรียน ผมจึงวิ่งขึ้นไปเอาที่ห้องเรียน และต้องผ่านห้อง 0용 ผมเหลือบไปทางห้องสมุด เห็นภารโรงแก้ผ้า กำลัง ยองๆลงไป ผมสงสัย เลยพรวดเข้าไปดูเลย ตอนนั้นก็ไม่ได้คิด หรือกลัวอะไร ก็เจอะภารโรกำลังยงโย่ยงหยกอยู่ รู้สึกจะกำลังพยา ยามข่มขืนผู้หญิงที่นอนหงายอยู่ แต่คงมีอุปสรรคบางอย่าง ภารโรงเห็นผมก็ตกใจ ลุกขึ้นวิ่งหนี ผมก็เอะอะโวยวาย ให้คนรู้ เพราะรูปร่างภารโรงสูงใหญ่ ผมกลัวสู้ไม่ได้ ครูอาจารย์ ที่อยู่ด้านล่างที่ยังไม่กลับ ก็พากันกรูขึ้นมา ผมเห็นแพรวดูสะลืมสะลือ ตื่นขึ้นก็ตกใจ ที่เธอแก้ ผ้าเปลือยเปล่า ผมยอมรับว่าเห็นเรือนร่างของแพรวหมดเลยแพรวรีบคว้าเสื้อกระโปรงและชุดชั้นในสวมใส่ พอดี กับครูอาจารย์มาถึง เมื่อรู้เรื่องที่เกิด ครูอาจารย์ก็รีบตามภารโรง แต่ปรากฏว่าเขาหนีหายจากบ้านพักไปเลย เรื่องนี้มีรู้แค่ 5 คน คือผม แพรว และอาจารย์อีก 3 คน ก็ตกลงจะไม่พูดหรือบอกเรื่องนี้กับใคร อย่างน้อยก็เพื่อชื่อ เสียงแพรว และชื่อเสียงโรงเรียน เป็นอันตกลงกันตามนี้ เมื่อผมถามแพรวว่าไม่รู้สึกเจ็บปวดร่างกายอะไรบ้าง มั้ย แพรวก็ยืนยันว่าปกติดี ไม่ได้เจ็บปวดอะไร แพรวดูจะอายผมมาก ที่ผมได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างใน ตัวเธอทั้งหมด ผมรู้ว่าผมได้เป็นฮีโร่ เป็นวีรบุรุมในหัวใจเธอ ซึ่งถ้า เธอไม่บังเอิญได้ผมมาช่วย ป้านนี้สภาพเธอคงเลวร้ายกว่านี้ แต่ความข้องใจที่ฝังอยู่ในสมองผมก็คือ ภารโรงมัน ได้ไอ้แหย่ไอ้นั่นเข้าไปในตัวหรือไม่มันดูคล้ายกับไม่คล้าย เพราะ ผมเห็นลักษณะท่าทางของไอ้ภารโรง มันกำลังขย่ม ที่ผมคาดเดาเช่นนี้ อาจจะผิดพลาดก็ได้ แต่เมื่อแพรว ยืนยันว่าไม่มีอะไร ทั้งครูอาจารย์และผมก็ง่ายต่อการปิดเรื่องนี้ ตั้งแต่วันนั้น แพรวจะคบหาและสนิทสนุมกับผมอย่างทันที่ทันใด แพรวดวงคู่ไปกับผม ผมอยู่ตรงไหนต้องมีแพรว อยู่นั่น มันรวดเร็วจนเพื่อนงงไปตามๆกัน เดาไม่ออกว่าผมไป จีบแพรวตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงผมจีบยังไงก็จะไม่เร็วขนาดนี้ ดูแพรวดล้ายหึงหวงผมมาก ไม่ให้ผมคลาดสายตาเลย ผมเลยถูกกล่าวขวัญ วิพากษ์วิจารณ์จากเพื่อนๆกันสนุกปาก ในส่วนตัวผมคิดว่า แพรวดงกลัวผมจะเปิดเผยความ ลับ เลยตามประกบผม ไม่ปล่อยให้ผมได้พูดคุยกับใคร แต่แพรวก็เอาใจผมดี ทั้งข้าว ขนม เธอจัดหาให้ผมเสร็จ ดีที่บ้านเธอมีเงิน ผมเลยสบาย เป็นที่อิจฉาของเพื่อนทุกคน อ้อ สำหรับแพรวแล้ว เธอขาว สวย แบบหมวย น่ารัก ใส ซื่อสะอาด รูปร่างกะทัดรัด เราเลยกลายเป็นแฟนกันโดย ปริยาย และเราก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องห้องสมุดกับภารโรงเลย และปีสุดท้าย ผมกับแพรวก็ได้มีความสัมพันธ์กันจน ได้ เป็นเพราะแพรวเรียกร้องต้องการมากกว่า ส่วนผมไม่กล้าคิด เพราะว่ายังเรียนอยู่ ได้แค่กอดจูบก็ว่าเลิศแล้ว วันนั้นผมจำได้ดี ทั้งผมและแพรวต่างก็ยังใหม่ในเรื่อง แบบนี้ด้วยกันทั้งคู่ จึงไม่ค่อยราบรื่นเท่าที่ควรเราตัดสินใจเป็นของกันและกันด้วยความเต็มใจ จึง นัดเจอกันที่ห้องพักเพื่อนของผม โดยผมให้เงินเพื่อนออกไป เที่ยวข้างนอก เมื่ออยู่ในห้องสองคนกับแพรวผมไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ผมเคยมีประสบการณ์เที่ยวซ่องมาไม่กี่ครั้ง จึงยังไม่ค่อยประสี ประสาในเรื่องแบบนี้เท่าไหร่ "แพรวแน่ใจหรือเปล่า" ผมถามแพรวแบบกล้าๆกลัวๆ "แน่ใจ 100 เปอร์เซนต์" พูดจบแพรวก็ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แล้วนั่งที่ชอบ เตียง ผมยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ค่อยๆถอดเสื้อผ้าตัวเอง ออกบ้าง ผมได้แต่ชำเลืองมองไปยังเรือนร่างเธอ "ไม่ต้องแอบมองหรอก บอยเคยเห็นหมดแล้วนี่" "เอ่อ... เห็นแว่บๆ ไม่ได้เห็นชัดๆแบบนี้" ความที่ผมยังเป็นไก่อ่อนอยู่บวกกับความตื่นเต้นทำให้ ไอ้หนูผมมันยังไม่ค่อยสู้เท่าไหร่ พอผมถอดเสื้อผ้าออกหมด รู้สึกอาย จึงเอามือปิด ไอ้หนูเอาไว้ แพรวดูจะกล้กว่าผม ดึงมือผมเข้าไปนั่งข้างเธอผมต้องเป็นฝ้ายให้แพรวเริ่มก่อน บอกตรงๆ ผมยัง ไม่ค่อยกล้าจริงๆ แพรวเห็นผมนั่งนิ่ง ก็กอดผม หอมแก้มผม ลูบไล้ แผงหน้าอก แล้วเลื่อนต่ำลงมาที่หนท้อง คงยังไม่กล้าจับไอ้ หนูของผมที่มันเริ่มขยายตัวขึ้นบ้างแล้ว ผมไม่ปล่อยให้แพรวรุกฝ่ายเดียว บีบไปที่เต้างามเธอ บ้าง เขี่ยเม็ดทับทิมเธอเร็วๆ ดูเธอขนลุกซู่เลย คงจะสยิวเหมือน กัน มือไม้เธอเริ่มสั่นๆ ถึงนาทีนี้ไม่ต้องอายกันแล้วไอ้หนูผมมันแข็งเต็มที่แล้ว ผมจับแพรวนอนหงาย แล้วนอนทับเธอทันที่ ความที่ผมยังไม่ ประสีประสา จึงไม่ได้มีการปลุกเร้าอะไรให้มากความ ผมจับไอ้หนูยัดเข้าไปในปากถ้ำของเธอ แต่มันเข้ายาก มาก ดันเท่าไหร่ก็ไม่เข้า แสดงว่าเธอคงยังไม่เคยผ่านเรื่องนี้มา หรือถ้าเคยก็คงผ่านมาน้อยมาก ผมต้องเปลี่ยนแผน ยังไม่ยัดเข้าไป เอาปลายของไอ้ หนูผมเขี่ยเล่นที่ปากถ้ำของเธอก่อน แบบนี้ก็เสียวดีไปอีกแบบ เห็นแพรวนอนเกร็งตัว กัด ริมฝีปากแน่น ผมรู้สึกมีน้ำลิ่นๆออกมาที่ปากถ้ำจนแฉะไปหมดจริงๆ ดูท่าทางแพรวก็คงไม่ต่างจากผม เราทำกันไปมองตากันไป เหมือนจะสื่อถึงความรักที่ มีต่อกันอย่างสุดหัวใจ ตอนใกล้จะถึงสวรรค์ แพรวดงมีความสุขจนลืมตัว ม ขยับสะโพกเด้งรับผมอีก ทำให้ผมรู้ว่าเธอใกล้เสร็จแล้ว "เราเสร็จพร้อมกันนะ" แพรวไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า ผมจึงเร่งความเร็วของ สะโพกขึ้นอีก ความเสียวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงขีดสุด ต่างคนต่างเกร็งตัว หลั่งของเหลวออกมาจนแทบไม่ เหลือ แล้วเราก็นอนกอดกันอย่างมีความสุข เมื่อมีหนึ่ง สอง สามสี่ก็ตามมา เราหลงใหลเสน่ห์ที่ ป้อนให้แก่กัน แรกรักแรกใคร่ หวานมันส์ฉ่ำจนติดใจ การเรียนตกต่ำ ผมพอไหว แต่ของแพรวไม่เอาไหนเลย พ่อแม่เธอพอรู้สาเหตุว่าเป็นเพราะแพรวมาคบกับผม เลยอ้างเอาตรงนี้ สั่งแพรวมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ผมก็เสียใจ แต่ก็เรียนจบจนได้ และได้ตามแพรวเข้ากรุงเทพฯ ก่อนหน้าเราโทรกันทุกวัน พอพ่อแม่แพรวรู้ ก็จะเอาจริงๆ ดูท่าทางแพรวก็คงไม่ต่างจากผม เราทำกันไปมองตากันไป เหมือนจะสื่อถึงความรักที่ มีต่อกันอย่างสุดหัวใจ ตอนใกล้จะถึงสวรรค์ แพรวดงมีความสุขจนลืมตัว ม ขยับสะโพกเด้งรับผมอีก ทำให้ผมรู้ว่าเธอใกล้เสร็จแล้ว "เราเสร็จพร้อมกันนะ" แพรวไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้า ผมจึงเร่งความเร็วของ สะโพกขึ้นอีก ความเสียวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงขีดสุด ต่างคนต่างเกร็งตัว หลั่งของเหลวออกมาจนแทบไม่ เหลือ แล้วเราก็นอนกอดกันอย่างมีความสุข เมื่อมีหนึ่ง สอง สามสี่ก็ตามมา เราหลงใหลเสน่ห์ที่ ป้อนให้แก่กัน แรกรักแรกใคร่ หวานมันส์ฉ่ำจนติดใจ การเรียนตกต่ำ ผมพอไหว แต่ของแพรวไม่เอาไหนเลย พ่อแม่เธอพอรู้สาเหตุว่าเป็นเพราะแพรวมาคบกับผม เลยอ้างเอาตรงนี้ สั่งแพรวมาเรียนต่อที่กรุงเทพฯ ผมก็เสียใจ แต่ก็เรียนจบจนได้ และได้ตามแพรวเข้ากรุงเทพฯ ก่อนหน้าเราโทรกันทุกวัน พอพ่อแม่แพรวรู้ ก็จะเอาแพรวกลับอยู่บ้าน ไม่ให้เรียนต่อ เพราะรู้ว่าผมจะเข้ากรุงเทพฯ ไปหาแพรว พูดง่ายๆ คือจะพยายามกีดกันผม โดยไม่รู้ว่าผม กับแพรวได้เสียกันหลายครั้งแล้ว และแพรวเองก็รักหลงผม พอเจอกันที่กรุงเทพฯ แพรวตัดสินใจไม่กลับ หนีพ่อ แม่ เธออยู่กับผม ผมเลยต่อรามด้วยการทำงานหาเงินไปด้วย แพรวก็ช่วยทำงาน และต่อรามเช่นเดียวกับผม เราอยู่ด้วยกันฉันท์ผัวเมีย ด้วยวัยแค่ 19 ปี ทำงาน เช่าบ้านอยู่ และเรียนไปด้วย จนจบปริญญาด้วยกัน ผมได้งานดี มีตำแหน่ง พ่อแม่ ของแพรวก็เลยจำใจ ให้เราแต่งงานกันในที่สุด คือผมกับแพรวโตพอรับรู้ และมีความรับผิดชอบตัว เองได้ ยิ่งเมื่อมีลูก ก็ดูจะรู้คุณค่าของชีวิต เรามีความสุข ผมมีหน้าที่การงานดี งินเดือนสูง ส่วน แพรวก็รับทำงานที่บ้าน แผนกบัญชีภาษีอะไรทำนองนั้น เรามีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง และอยู่กันมา 12 ปี ตาม ที่บอกไว้ 2 ปีหลังผมกลับแพรวไนเรื่องบทเซ็กส์ เริ่มเนือยๆ เพราะจำเจซ้ำๆกันมานาน ไม่ค่อยตื่นเต้นเร้าใจอะไร รู้แต่เพียงต่างทำหน้าที่ ที่ธรรมชาติบงคารมา ไม่ถี่เหมือนก่อน มันเบื่อๆ ไม่เร้าใจอะไร ก็ของมันเก่าแล้วนี่ ไม่ใช่ผมคิดคนเดียว แพรวก็เป็นเช่นกัน 2 ปีหลังมานี้ ผมกับแพรวจะหนักไปทางออกสังคม ชื่นชมกับวงสังคมที่ฉาบด้วยความหรู และมีหน้ามีตาเท่านั้น กลับถึงบ้าน สลบแทบคลานถึงเตียง ไม่ทันไรก็กรุนกันเลย การอยู่ร่วมในชีวิตประจำวัน มันเหมือนเครื่องยนต์กล ไค ไขลานใส่ถ่าน ไม่มีจิตใจอย่างมนุษย์ที่สดใสมีความสุขอย่าง ปุถุชนคนทั่วๆไป ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง แต่สะท้อนความไม่มีความ สุขกับการครองคู่ อยู่กันเหมือนแค่คนรู้จัก รู้ใจกันแค่การกิน การนอน แต่กับอารมณ์ความเสียวซ่าน การเสพสุขร่วมรักกัน ระหว่างผัวเมีย (หญิงชาย) ไม่มีเลย เหมื่อนเรือเกยตื้นไม่สะอื้น แต่สูงบนิ่ง และแล้วก็มีเรื่องสุดมหัศจรรย์ เมื่อเราได้พบจุดระเบิด กระสันต์อย่างเหลือเชื่อ เมื่อแพรวได้ต่อว่าผมในคืนวันหนึ่ง ที่ผมกลับดึก กับ การเมาพอประมาณ แพรวได้พูดเหน็บแนม ทำนองว่า ผมคงไปเที่ยวสำส่อนมาเป็นแน่ ถึงได้ออกอาการเบื่อหน่ายเธอ ผมก็ปฏิเสธ บอกไม่ใช่เช่นนั้นเลย ผมดื่มกินกับเพื่อน ที่สโมสรบริษัท แต่เธอไม่พยายามเชื่อ ก็เลยเถียงกันอย่างจะ เอาแพ้ชนะกันขึ้น ดีที่ลูกไม่ได้อยู่ด้วย ก็เลยกล้เสียงดัง แพรวเกิดขั้วหลุด โยกโยเอาเรื่องเก่าๆมาอ้ง ว่าที่เธอ เทใจให้ผม เพราะเห็นใจ และมั่นใจว่าผมต้องเป็นคนดี มือนาคต พอที่จะฝากฝังได้ ผมเลยหน้ามืด น็อตหลุด ก็ลืมตัว อ้างเอาเรื่องของ เธอที่ถูกการโรงข่มขืน ว่าผมโง่หรือเปล่าล่ะ ที่ต่อคิวการโรง เท่านี้เรื่อง เลยเหมือนระเบิดลง เธอร้องไห้ สติแตก แหกปากลั่น เพราะเธอไม่คิดว่า ผมจะเอาเรื่องนี้มาพูด เพราะ ตลอดกว่า 15 ปี ผมไม่เคยพูดเลย "แล้วมาเอาฉันทำไม" ผมก็สติแตก พูดแดกดันอย่างขาดสติ "ก็คิดว่ามีคนนำทางบุกเบิกให้ จะได้สะดวกโยริน ไม ต้องเสียเวลาคลำหาทาง" แพรวถึงกับกำมีดจะฆ่าตัวตาย ผมก็กระโจนเข้าห้าม และได้สติ ว่าผมเกินเลย และผิดมากที่ตระบัดสัตย์กับตัวเองทั้งที่เก็บงำมาถึงเกือบ 15 ปี แพรวเสียใจมาก ผมปลอบเธอ ผมถึงกับยกมือไหว้ขอ โทษเธอเลย ผมเสียสติ ขาดความรู้สึกสำนึกคิดที่ดี ดูเธอค่อยๆคลายความโกรธ และเราก็เริ่มเข้าใจกัน เธอ ก็ขอโทษผมเช่นกัน ที่เธอลืมตัว หาเรื่องผมก่อน "ก็คนมันรัก มันหวงห่วงนี่" เธอพูดเสียงสั่น เหมือนจะร้องไห้ ผมต้องโอบกอดเธอ ไว้ เป็นการปลอบ เธอก็กอดผมตอบ ความรู้สึกผมบอกไม่ถูกเมื่อหน้าอกเธอเบียดกับอกผม ทั้งที่เคยบีบเคยจับมาหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันพิเศษจริงๆ ไอ้หนูผมมันแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ก่อน หน้านี้เวลาผมอยู่ใกล้กับเธอ ไม่เคยรู้สึกอะไรเลย อาจเป็นเพราะ เราเพิ่งปะทะคารมกันเรื่องภารโรง ว่าข่มขึ้นเธอหรือเปล่า อารมณ์ หึงหวงจึงเกิด และเปลี่ยนเป็นอารมณ์หื่น ผมเลื่อนมือที่กอดลงต่ำ มาบีบที่แก้มกันของเธอ เธอ ก็แอ่นสะโพกมาด้านหน้า เบียดกับไอ้หนูผม ยิ่งทำให้ผมหื่น มากขึ้นอีก ผมจูบปากเธอทันที เธอก็จูบตอบ เราแลกลิ้นกันอย่างด้วยความหื่น แพรวเองไม่ยอมแพ้ เด้งรับผมอย่างเข้าจังหวะ เพราะรู้ว่าผมชอบแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมหื่นมากกว่าทุกครั้ง ยังไม่ยอมถึงสวรรค์ ง่ายๆ ความเสียวในวันนี้ผมจะไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ มันยังไม่ สะใจเลย ภาพที่ภารโรงมันนั่งคร่อมเธอผุดขึ้นมาในสมอง ยิ่ง ทำให้ผมมีอารมณ์หื่นมากขึ้นหลายเท่า ไม่น่าเชื่อว่าไอ้หนูผม มันแข็งเสียยิ่งกว่าแข็ง ไม่รู้เป็นไปได้ไง ผมกระแทกสะโพกเข้าใส่เธอทั้งแรงทั้งเร็ว มันเสียว ซ่านแบบเหลือเชื่อ ผมไม่เคยหื่นแบบนี้มาก่อนเลย ยิ่งถ้านึกถึงตอนไอ้การโรงนั่นมันทำกับเธอ ผมยิ่งหื่น มากขึ้นไปอีก นี่เป็นสิ่งที่ผมเพิ่งคุ้นพบ เพื่อความสะใจ ผมดึงตัวเองขึ้นมา นั่งยองๆครอมเธอ เหมือนไอ้ภารโรง แล้วทำท่ายงโย่ยงยงหยกเหมือนมัน อยาก จะรู้ว่าไอ้ภารโรงมันเห็นอะไร และรู้สึกยังไง พอผมทำท่านี้ อารมณ์พุ่งปรี๊ดเลย หื่นหนักกว่าเดิมอีก คราวนี้ผมแทงไอ้หนูใส่เธอไม่นับเลย เธอเองก็ดูจะสะใจที่ผม ร้อนแรงขนาดนี้ ร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษาคนด้วยความหื่น แพรวเองไม่ยอมแพ้ เด้งรับผมอย่างเข้าจังหวะ เพราะรู้ว่าผมชอบแบบนี้ แต่ครั้งนี้ผมหื่นมากกว่าทุกครั้ง ยังไม่ยอมถึงสวรรค์ ง่ายๆ ความเสียวในวันนี้ผมจะไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ มันยังไม่ สะใจเลย ภาพที่ภารโรงมันนั่งคร่อมเธอผุดขึ้นมาในสมอง ยิ่ง ทำให้ผมมีอารมณ์หื่นมากขึ้นหลายเท่า ไม่น่าเชื่อว่าไอ้หนูผม มันแข็งเสียยิ่งกว่าแข็ง ไม่รู้เป็นไปได้ไง ผมกระแทกสะโพกเข้าใส่เธอทั้งแรงทั้งเร็ว มันเสียว ซ่านแบบเหลือเชื่อ ผมไม่เคยหื่นแบบนี้มาก่อนเลย ยิ่งถ้านึกถึงตอนไอ้การโรงนั่นมันทำกับเธอ ผมยิ่งหื่น มากขึ้นไปอีก นี่เป็นสิ่งที่ผมเพิ่งคุ้นพบ เพื่อความสะใจ ผมดึงตัวเองขึ้นมา นั่งยองๆครอมเธอ เหมือนไอ้ภารโรง แล้วทำท่ายงโย่ยงยงหยกเหมือนมัน อยาก จะรู้ว่าไอ้ภารโรงมันเห็นอะไร และรู้สึกยังไง พอผมทำท่านี้ อารมณ์พุ่งปรี๊ดเลย หื่นหนักกว่าเดิมอีก คราวนี้ผมแทงไอ้หนูใส่เธอไม่นับเลย เธอเองก็ดูจะสะใจที่ผม ร้อนแรงขนาดนี้ ร้องครวญครางแทบไม่เป็นภาษาคน"อู้ว... อุย... ช็ด..." คืนนั้นกว่าจะจบ สงบอารมณ์ เกือบเที่ยงคืน ผัวเมีย เกิดความสมานฉันท์ คลี่คลายความเคียดแค้น ด้วยการร่วม รักแบบสามัคคี และร้อนแรง ดีแฮะ เกิดเรื่องมหัศจรรย์ ที่ผมมีความรู้สึกแปลก และเราอารมณ์มาก แพรวก็ยังบอกว่า "สุดยอดในรอบ 10 ปี มันส์จริงๆ" และตั้งแต่นั้นมา ผมกับแพรวพบสูตรสำเร็จ ต้องพูด ต้องก่อกวนอารมณ์กันก่อน และที่ผมมักจะต่อปากต่อคำกับแพรวก็คือ ผมจะถาม ซ้ำๆซากๆว่า "รู้ตัวไหมว่า ไอ้การโรงนั้นมันเอาเข้า เข้าแค่ไหน รู้ตัว มั้ย ดีมั้ย" อะไรทำนองนั้น ใหม่ๆ แพรวจะโกรธ จะปฏิเสธ แต ผมก็พยายามยัดเยียดว่า "มันเข้าไปแล้ว เข้ามิดเลย คงมันส์สิ เลยไม่กล้าพูด แอบติดใจล่ะสิ หรือว่าของมันดีกว่าของผม" เมื่อถูกย้ำ ถูกยัดเยียดบ่อยๆ แพรวคงโมโห ฉุน เลยพูดแดกดันผม "ใช่ แพรวติดใจ และอยากเจออีก ของบอยมันเด็ก อนุบาล สู้ของมันไม่ได้" แพรวพูดจาแบบหยามหยันหมิ่นดูแคลนผม ผมโกรธที่ถูกยั่วยุ มุทะลุดัน ผมเกิดความท้ทาย มี อารมณ์ มีความรู้สึกที่อยากลบคำสบประมาท ผมจัดการกับแพรวเหมือนอยากแก้แค้นมากกว่า คล้าย กระทิงคุ ฮึดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และจากคำบอกเล่าของแพรวว่า ผมเหมือนคนเสียสติ ขณะนั้นจะพร่ำเพ้อถามว่า ไอ้ภารโรงมันอย่างนั้นอย่างนี้ และ จะพูดเรื่องความสุขที่แพรวเก็บแอบไว้ในใจกับไอ้ภารโรง และ พูดจาหยาบคาย มากมายสุดจะบรรยายได้ แต่แพรวกลับบอกว่า ถ้าผมได้พูดได้สบถเรื่องเหล่านี้ ผมจะเปลี่ยนจากแมวหงอย เป็นกระทิงดุ มีความดุดัน เมามันส์ พาลให้แพรวพบความสุดยอดแห่งความมันส ตั้งแต่นั้นมา ผมกับแพรวจะใช้เรื่องนี้ เอามาปลุกเร้า ก่อนจะมีอะไรกัน กลายเป็นสูตรสำเร็จที่เหลือเชื่อ ตอนนี้ผมกับแพรวกลับกระเตื้องในความรัก ความผูกพันถึงหวงห่วงกัน มากกว่าตอนเรารักกันใหม่ๆเสียอีก ผมเริ่มรู้ตัวว่า ผมเหมือนโรคจิต คิดแต่ความกักขพะ และมีความเคียดแค้น ชิงชัง กับหึงหวงในตัวของแพรว เพราะ ผมรักแพรว อยากครอบครองตัวแพรวและหัวใจ เป็นเจ้าของ ลิขสิทธิ์คนเดียว และผมอยากลบภาพอดีต กลัวแพรวฝังใจ มีอะไรซ่อน เร้น แอบแฝงส่วนแบ่งที่ผมต้องอยู่เต็มในนั้น ผมไม่อยากแบ่ง ที่ว่างหัวใจของแพรวไห้กับใครเลย แพรวเองก็รู้สึกดีขึ้น เมื่อค้นพบสูตรสำเร็จ ทำให้ผม มีความหึงหวง ฮึกเหิม และเปลี่ยนตัวเปลี่ยนหัวใจ จากซังกะ ตาย มาเป็นคึกคะนอง ผมบอกไม่อาย เวลาทะเลาะเรื่องนี้แล้ว มันเหมือนได้ โดีปยาชูกำลัง หรือเหมือนทานยาไวอาก้ายังไงยังงั้น และผล สะท้อนได้ดีต่อแพรวโดยตรง มันสุดยอดมาก ผมไม่รู้สึกตัวเลยจริงๆ แต่รู้ว่าผมรักและหวงแพรว ขึ้นมาอย่างจับใจ และรู้สึกแค้นไอ้ภารโรงนั่น ผมมีใจอยากจะลบปม ลบลงความสกปรก ความรู้สึก ออกไปจากตัวแพรว เหมือนผมเสียดายค่าของตัวแพรวที่ไม่น่าผมมาคิดดู ถ้าหากเกิดผมไม่น็อตหลุด คงสภาพความ กับความเหนื่อยหน่ายกับแพรว ที่เราต่างหมดความหมายต่อกัน ผูกพันกันแค่คำว่าผัวเมีย แต่การอยู่ร่วม เหมือนจำใจ ไม่หวงห่วงใย ไม่ให้เกียรติ ไม่ให้ความสำคัญแก่กัน ป่านนี้คงจะเลวร้ายมากกว่านี้ อาจถึงจุดที่ผมแอบมีเมียน้อย หรือแพรวอาจคบชู้ หรือ เราหย่าร้างกันไป เพราะอาการเบื่ออยู่ในขั้นสุดท้ายแล้ว ก่อนตายดับ เราต้องเข้าถึงแก่นแท้ของชีวิต รับรู้ถึง ด้านมืดและสว่าง อย่างกระจ่าง ในขณะที่อาจจะมีกลุ่มที่คิดดี รับรู้แต่ด้านสว่างอย่างเดียว ด้านมืดกลับกลัว อย่างไม่รู้จริง วา น่ากลัวอย่างไร เกิดเป็นคนแล้วไซร้ เราต้องไปให้ทั่ว รู้ให้ถึงทุกซอก ทุกมุมของจิตใจ...